ชิปปิ้ง Last-Mile Delivery คือ ไมล์สุดท้ายในการจัดส่งสินค้า(ชิปปิ้ง) ซึ่งมีที่มาจากปัญหาที่ว่า เดิมทีการส่งสินค้าทั่วไปนั้น เมื่อพัสดุมาส่งที่บ้านในช่วงเวลากลางวัน อาจเป็นช่วงที่คนไม่อยู่บ้าน ทำให้ไม่มีผู้รับ ทำให้บริษัทขนส่งต้องเสียเวลามาส่งใหม่ในอีกวัน และเป็นสาเหตุเสี่ยงที่อาจจะทำให้สินค้าสูญหายหรือเกิดการขโมยสินค้า
Last-Mile Delivery จึงได้รับความสนใจจากร้านค้าและนักลงทุนด้านธุรกิจ E-Commerce ที่ต้องการลดต้นทุนด้านการขนส่งให้ได้มากที่สุด จึงคิดค้นการขนส่งในรูปแบบต่างๆ อาทิ Drone Delivery, ขนส่งด้วยจักรยาน, ใช้หุ่นยนต์ในการส่งสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้คือวิธีการขนส่งสินค้าในรูปแบบของ Last-Mile Delivery ทั้งนี้ เพื่อช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่ง และแก้ปัญหาการจัดส่งในรูปแบบเดิม
Ninjashipping มีข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการคาดการณ์เทรนด์การขนส่ง Last-Mile Delivery ในปี 2020 มาฝากกัน ดังต่อไปนี้
1.ความคาดหวังของผู้บริโภคจะเพิ่มมากกขึ้น
เมื่อความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นจากทั้ง On-demand Delivery และ Same-day Delivery
การส่งมอบแบบ Same-day Delivery จะกลายเป็นมาตรฐานในปี 2020 ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ค้าปลีกที่ต้องการแข่งขันกับ Amazon ในการสำรวจของ Onfleet 78% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าประสบการณ์ของพวกเขากับ Amazon ทำให้เพิ่มความคาดหวังสำหรับการส่งมอบสินค้าทุกประเภท ซึ่งรวมไปถึงการส่งมอบแบบ B2C เช่นเดียวกับการส่งมอบแบบ C2C
และในปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและมองเห็นได้ พฤติกรรมของลูกค้ามีความต้องการได้รับสินค้าที่รวดเร็วและต้องการทราบสถานะการจัดส่ง ซึ่งผู้ให้บริการขนส่งต้องพัฒนาระบบติดตามสถานะสินค้า รวมถึงระบบ POD (Proof of Delivery)
2.ร้านค้าปลีกจำนวนมากเพิ่มการจัดส่งภายในวันเดียวถึง
จากข้อมูลของ Onfleet พบว่า ผู้ค้าปลีกจำนวนมากต้องการเพิ่มการจัดส่งในวันเดียวหรือ Same-day Delivery ซึ่งได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม และไม่เพียงแต่ร้านค้าหรือธุรกิจแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ค้าปลีกอิสระ ที่มีร้านค้าเพียงแห่งเดียวหรือไม่กี่แห่งที่รับรู้ว่ามีการส่งมอบ Last-Mile Delivery สามารถช่วยให้แข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการสำรวจของ Amazon พบว่า 54% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขายินดีจ่ายให้ผู้ค้าปลีกในพื้นที่สำหรับการจัดส่งภายในวันเดียวกัน
3.การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและผลกระทบต่อการส่งมอบ Last-Mile Delivery
อีคอมเมิร์ซได้พัฒนาเป็นตลาดโลกที่มีมูลค่า 2.8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าคือ ‘พวกเขาต้องการมันตอนนี้’ พวกเขาต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วและถูกกว่า พร้อมกับการควบคุมประสบการณ์ที่มากกว่า ความต้องการ ที่จะส่งมอบพัสดุได้รวดเร็วขึ้นและในราคาที่ต่ำกว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าคือการเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการจัดส่ง และซัพพลายเชนที่กว้างขึ้น ในฐานะ ‘ไมล์สุดท้าย‘ ระยะสุดท้ายในกระบวนการจัดส่งพัสดุสิ้นสุดถึงลูกค้า เป็นขั้นตอนที่แพงที่สุดหรือประมาณ 28% ของค่าใช้จ่ายในการขนส่งทั้งหมดและใช้เวลานานในการปฏิบัติตาม
เป็นผลให้บริษัทเหล่านี้กำลังมองหาบางสิ่งเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของพวกเขา โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ อย่างชาญฉลาด หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการเหล่านี้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการจัดส่ง
4. การส่งมอบด้วยอุตสาหกรรมอากาศยานไร้คนขับ (UAS) กำลังเพิ่มขีดความสามารถ
ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีหลายคน กล่าวว่า ไม่น่าจะเห็นการใช้งานส่งมอบด้วยหุ่นยนต์อย่างแพร่หลายจนถึงปี 2022 บริษัทชิปปิ้งหลายบริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา อีกทั้งที่ยังเป็นสิ่งต้องห้าม และแม้ว่าวิธีการขนส่งโดยหุ่นยนต์หรือโดรนแห่งอนาคตนี้ จะอยู่ในช่วงของการพัฒนาและทดสอบ แต่จับตามองให้ดี ในอนาคตเทคโนโลยีเหล่านี้ จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่หากธุรกิจใดนำมาปรับใช้ได้ก่อน ก็จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล