1. การจัดการห่วงโซ่อุปทานและสินค้าคงคลัง
เมื่อความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานเพิ่มขึ้น การดำเนินงานระหว่างผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการจัดส่ง บริษัทประกันภัย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก จึงความยุ่งยากตามไปด้วย แต่เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น จะช่วยให้ทราบแหล่งที่มา สถานที่ และสถานะของสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทั้งยังลดภาระด้านบัญชีและการเงินในองค์กรตามโครงสร้างการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิม

2. การชำระเงินและการบัญชี
บล็อคเชนช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถใช้เงินดิจิทัล Cryptocurrencies ได้อย่างแพร่หลายโดยไร้ข้อจำกัดด้านพรมแดน ปัจจุบันจีนยังได้เปิดตัว Blockchain-based Services Network (BSN) เพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลกดิจิทัล โดยใช้สกุลเงินดิจิทัล สำหรับการค้าระหว่างประเทศพันธมิตร ซึ่งการชำระเงินด้วยสกุลดิจิทัลนั้น ก็กำลังเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจในการทำธุรกรรมข้ามชาติ

3. ความภักดีจากผู้บริโภค
ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนได้แบบเรียลไทม์ จึงสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยผู้ค้าปลีกสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เชิงลึกของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย มีความเป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ บล็อกเชนยังสามารถขยายความร่วมมือกับพันธมิตรได้โดยไม่เพิ่มความซับซ้อน แต่เพิ่มการรับรู้แบรนด์และการใช้โปรแกรม ในขณะที่ผู้ค้าปลีกรายย่อยก็สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดหนี้สินในงบดุลที่เกี่ยวข้อง

4. ข้อมูลโฆษณาและผู้บริโภค
ผู้บริโภคเริ่มเบื่อหน่ายกับการรับรู้ข้อมูลส่วนบุคคล และหน่วยงานกำกับดูแลที่เริ่มถูกตั้งคำถามที่ยากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ผู้ค้าปลีกจึงคาดหวังว่าบล็อกเชนจะซัพพอร์ตข้อมูลของผู้บริโภคและระบบโฆษณาแห่งอนาคต ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและลดการฉ้อโกงลง

อ้างอิงข้อมูล : https://medium.com/nrf-events/4-ways-retailers-can-use-blockchain-to-their-advantage-1b4139a0b57d